วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

~ ป้องกันจากวิธีการโจมตีของแฮกเกอร์ ~

~ ป้องกันจากวิธีการโจมตีของแฮกเกอร์ ~

ปัจจุบัน อินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นทุกวัน เราสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้จากทุก ๆ สถานที่เพื่อทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง แม้จะได้รับความสะดวกสบายแต่ก็ต้องเสี่ยงกับการเปิดเผยข้อมูลสำคัญออกไปโดย ที่ไม่ได้ตั้งใจ และอาจไม่รุ้ตัว
วันนี้ผมมีตัวอย่างการโจมตีเครื่องของคุณผ่านระบบเครือข่ายแบบต่าง ๆ และการหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี
- Packet Sniffers
คือ การที่แฮกเกอร์ใช้กับดักจับแพ็กเก็ตที่วิ่งอยู่ในเครือข่ายเพื่อดักข้อมูล สำคัญ เช่นพาสส์เวิร์ค รหัสบัตรเครดิตเป็นต้น การหลีกเลี่ยงการโดนดักข้อมูลทำได้หลายวิธี เช่นเพิ่ม Authentication ให้มากขึ้นใช้เครื่องมือต่าง ๆ ทั้งที่เป็นฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ช่วยป้องกันใช้เข้ารหัส (Cryptography)
- IP Spoofing
เป็น วิธีการที่แฮกเกอร์จะปลอมตัวเสมือนว่าเป็นผู้ใช้งานปกติแล้วตั้งเครือข่าย เพื่อเป็นฐานในการโจมตีแบบอื่น ๆ ต่อไป วิธีหลีกเลี่ยงคือต้องกำหนด Access Control ให้รัดกุมขึ้นก็จะช่วยได้
- Denial-of-Service (Dos)
ถือ ได้ว่าเป็นการโจมตีที่คลาสสิคที่สุด เนื่องจากความง่ายในการโจมตี ความเสียหายที่รุนแรง มีหลายวิธีมากเช่น Ping of Death , TCP SYN Flood ,TFN,Trinoo,Trinoo,Trinty ,Stacheldraht ซึ่งลักษณะการโจมตีแบบ Dos นั้นไม่ได้มุ่งหวังที่จะเจอะระบบเพื่อขโมยข้อมุล แต่มุ่งหวังจะทำให้บริการใด ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายนั้น ๆ ไม่สามารถให้บริการได้ต่อไป ซึ่งสามารถทำได้โดยการเรียกใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์นั้นให้หมดไป ก็จะสร้างผลกระทบต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เราสามารถลดโอกาสการโจมตีแบบนี้ได้ด้วยการตั้งค่าไฟร์วอลล์
เราสามารถตั้งค่า Firewall ได้ตามดังขั้นตอนต่อไปนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Start > Settings > Network Connections
2. เลือกไปที่ตัวเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เราใช้งาน
3. คลิกขวาที่ไอคอนนั้น ๆ แล้วเลือก Properties
4. เลือกแท็บ Advance
5. ถ้าเลือกคลิกเมาส์ถูกที่ Protect my computer and network .. จะเป็นการป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ถ้าไม่ต้องการ ป้องกันอะไรก็ให้เอาเครื่องหมายถูกออก
6. เมื่อเลือกเรียบร้อยแล้วให้คลิก ok
- Brute-Force Attack เป็นวิธีที่แฮกเกอร์ใช้ซอฟต์แวร์ทำการสุ่มหาพาสส์เวิร์ดของผู้ใช้ และเข้าไปสร้าง Back Door เอาไว้เพื่อเจอะระบบในครั้งต่อไป วิธีการป้องกันทำได้โดยการตั้ง พาสส์เวิร์ดให้ยากต่อการคาดเดา และหมั่นเปลี่ยน พาสส์เวิร์ด บ่อย ๆ
- การโจมตีแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการโจมตีในระดับแอพลิเคชั่น ซึ่งเป็นการหาช่องโหว่ของ แอพลิเคชั่นนั้น ๆ เพื่อเข้าโจมตีระบบ วิธีแก้ไขคือหมั่นติดตั้ง Patch ให้กับแอพลิเคชั่นอย่างสม่ำเสมอ ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่ตัวอย่างบางส่วนหากต้องการความปลอดภัยจริง ๆ ก็คงจะต้องร่วมมือร่วมใจป้องกันอย่างต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงความเสียหายอยู่ตลอดเวลา เพียงเท่านี้คุณก็ย่อมสบายใจได้มากกว่าเดิมหลายเท่าแล้วละครับละครับ...

~ การ set การแสดงผลของ Nootbook ~

~ การ set การแสดงผลของ Nootbook ~

ขั้นตอนการ set การแสดงผลของ Nootbook
1.คลิกขวาที่หน้าจอ desktop
2.เลือก Menu properties จะได้หน้าต่าง display properties
3.เลือกในหน้า settings แล้วกดปุ่ม Avanced เลือก DisplayMode
4.เอาเครื่องหมายถูกออกตรงหน้า Auto ออกก่อนจึงจะสามารถเลือกหัวข้อ Driver Mode ได้
5.ในหัวข้อ Driver Mode มีตัวเลือกดังนี้
-single ใช้จอ LCD เพียงอย่างเดียว
-Mirror สามารถต่อออก 2 จอได้
-Multimonitor แบ่งพื้นที่หน้าจอเพื่อใช้งาน
( เช่น ถ้าต้องการให้มีภาพออก monitor และ Notebook ต้องเลือกหัวข้อ Mirror )
6.จากนั้นก็ ok เครื่องจะ restart ใหม่
หมายเหตุ หากไม่เจอหัวข้อให้เลือกดังกล่าวข้างต้นให้ทำการลง ไดรฟ์เวอร์ Mainbord ใหม่

~ โปรแกรม ค้าง ระหว่างการใช้งาน ~

~ โปรแกรม ค้าง ระหว่างการใช้งาน ~

กด alt+ctrl+delete จะปรากฏหน้าต่าง window task manager เลือก application
ดูว่าโปรแกรมไหนที่ not responting ก็ไปที่โปรแกรม แล้วกด end task

~ คีย์ลัด-ประหยัดไฟ ~

netbook: "คีย์ลัด-ประหยัดไฟ"

ช่วง ที่ผ่านมามีคำถามเกี่ยวกับการใช้เน็ตบุ๊กบ่อยขึ้น โดยเฉพาะเทคนิคการใช้งานที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานในแบตเตอรี่ได้นานที่สุด ซึ่งวันนี้ผมมีทิปในการใช้คีย์ลัด เพื่อลด หรือปิดฟังก์ชันการทำงานที่กินไฟเป็นอันดับต้นๆ ของเน็ตบุ๊กมาฝากกันครับ

เน็ต บุ๊กส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับ ฟังก์ชันคีย์ (Function Key) ที่สามารถใช้งานร่วมกับปุ่ม Ctrl เพื่อปรับแต่งการทำงานของเครื่องได้ ซึ่งคีย์ลัดตัวแรกที่นำมาฝากนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานจากหน้าจอแสดงผลได้ นั่นก็คือ Ctrl+F5 เมื่อกดปุ่มนี้แสงสว่างที่หน้าจอเน็ตบุ๊กจะลดลง โดยเพียงแค่กด 1 - 2 ครั้ง คุณจะเห็นเวลาการใช้งานที่เหลือของแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากค่าตั้งความสว่างของจอที่โรงงานมักจะเป็นค่าสูงสุด เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความสว่างสดใส ในขณะที่ความเป็นจริงคุณไม่ได้ต้องการความสว่างมากขนาดนั้น ที่สำคญมันเป็นตัวการที่ทำให้แบตฯหมดเร็วอีกด้วย

ส่วนคีย์ลัดอีกอันหนึ่งที่นำมาฝากกันจะใช้สำหรับปิด WLAN เมื่อเวลาที่ไม่ได้ใช้เน็ตไร้สาย นั่นก็คือ Ctrl+F11 ซึ่งเป็นคีย์ลัดทีพบในเน็ตบุ๊กส่วนใหญ๋ โดยเมื่อต้องการใช้เน็ตไร้สายก็กดปุ่มนี้อีกครั้ง นับว่าเป็นคีย์ลัดที่สะดวกมาก นอกจากนี้มันยังใช้ควบคุมการเปิดปิด Bluetooth ด้วยในตัว ซึ่งฟังก์ชันการเชื่อมต่อไร้สายทั้งสองเทคโนโลยีนี้จะสวาปามพลังงานของ แบตเตอรี่แบบไม่เกรงใจ ดังนั้น ทุกครั้งที่นึกได้ว่า กำลังใช้เน็ตบุ๊กทำงานที่ไม่ต้องใช้เน็ต ก็รีบกดคีย์ Ctrl+F11 เพื่อปิดฟังก์ชันดังกล่าวทันที เพียงแค่นี้ คุณก็มีแบตฯ เหลือใช้กลับมาอีกตรึม ที่สำคัญ การเปิดฟังก์ชันไร้สายทิ้งไว้ โดยไม่ได้ใช้งาน ยังเท่ากับการเป็นการปิดประตูรอให้แฮคเกอร์ได้มีโอกาสเจาะระบบเข้ามาเดิน เล่นในเครื่องของเราอีกด้วย...

~ เปลี่ยนภาษาไทย ให้ใช้งานได้ ~

~ เปลี่ยนภาษาไทย ให้ใช้งานได้ ~

ไปที่ start >setting >control panel ดับเบิ้ลคลิกที่ Regional and Language Option เลือกแถบ Regional Option อันบนเปลี่ยนเป็น thai ล่างสุด thailand เลือกแถบ Languages ใส่เครื่องหมายถูกหน้า install files for complex script..... ต้องมี แผ่น win xp ด้วย แล้ว ok แล้วไปแถบ advance เลือก thai แล้ว ok
แล้วมาที่ แถบ languages ในกรอบ text services and input language ให้เลือก details...
เลือกแถบ setting ในกรอบ Installed Services ให้เลือกปุ่ม add เพิ่มตั้งค่าเพิ่มภาษาของแป้นพิมพ์
แล้ว ok แล้วคลิก key setting เลือก switch between input language แล้ว ไปที่ change key sequence..
แล้วเลือก Grave Accent ~ แล้ว ok

~ เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน ~

~ เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน ~

โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้า winxp นานประมาณ 30 วินาทีอาจไม่ทันใจพวกเรานัก ไปที่ start>run พิม cmd
มันจะขึ้นมาเป็น Dos พร้อม พิมพ์ bootcfg /timeout 5 แล้วกด enter แล้วลองเข้า winxp ใหม่

~ การตั้งเวลาปิดเครื่อง ~

~ การตั้งเวลาปิดเครื่อง ~

หากต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ อยากตั้งเวลาปิดเครื่องอัตโนมัติ หากเราจำเป็นต้องเปิดเครื่องไว้ เพราะกำลังรัน
โปรแกรมบางอย่างอยู่ และอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ เราสามารถสั่งให้เครื่องปิดตัวเองอัตโนมัติได้
โดยใช้เครื่องมือ Scheduled Task ช่วย ดังนี้ครับ
เลือกเมนู All Programs>Accessories>System Tools>Scheduled Task เพื่อเปิดหน้าต่าง
Scheduled Task ขึ้นมาครับ จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Scheduled Task เพื่อสร้างตารางงานใหม่
สิ่งที่เราต้องรู้ในที่นี้ก็คือ ไฟล์คำสั่งที่ใช้สำหรับการปิดเครื่อง ซึ่งก็คือไฟล์ Shutdown.exe อยู่ใน
โฟลเดอร์ System32 ภายใต้โฟลเดอร์ Window ให้เราคลิกเมาส์ที่ปุ่ม Browse และเลือก
ไฟล์คำสั่ง shutdown.exe ซึ่งเป็นคำสั่งเพื่อปิดระบบคับ
จากนั้นเป็นขั้นตอนการกำหนดช่วงเวลา ที่จะให้ปิดเครื่อง ในที่นี้เลือก Diary คือภายในวันนี้
และเข้าไปกำหนดเวลาเจาะจง ก็เป็นอันจบขั้นตอนแล้วครับ
หลังจากนั้น เราสามารถเปิดเครื่องให้ทำงานทิ้งไว้ และเมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ คอมพิวเตอร์
ก็จะปิด (Shut down) ลงโดยอัตโนมัติครับ
มี Tip เล็กๆ น้อยสำหรับการปิดเครื่องครับ คือ ปุ่ม Power กับปุ่ม Sleep บนคีย์บอร์ด
เราสามารถกำหนดเพื่อให้เป็นการสั่งปิดเครื่อง (Turn Off) หรือเข้าสู่โหมด Stand By ได้ครับ
โดย ปุ่ม Power เหมือนสั่ง Shutdown เครื่อง คือปิดการทำงานของ Windows และดับเครื่องลง
ส่วนปุ่ม Sleep : เหมือนสั่ง Stand By คือ หยุดพักเครื่องชั่วคราว เพื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน
โดยสามารถกลับเข้าทำงานได้ด้วยการเคลื่อนเมาส์ หรือกดปุ่มคีย์บอร์ดนั่นเอง

~ วิธีแก้ปัญหา svchost.exe ~

~ วิธีแก้ปัญหา svchost.exe ~

เคยเจอและเป็นกันไหมครับ เวลาที่ใช้งานคอมพิวเตอร์อยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีป๊อบอัพเด้งขึ้นมาให้ตกใจ หัวข้อความว่า

svchost.exe – Application Error

ดังรูป

จากนั้น เครื่องก็แฮงค์ ใช้งานไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้เลย จะกดจะคลิกอะไรมันก็ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ต้องรีสตาร์ทเครื่องสถานเดียว จึงจะใช้งานได้ และเมื่อใช้งานไปได้ไม่นาน ก็เกิดอาการเครื่องแฮงค์อีก และมีป๊อบอัพดังรูปข้างต้นเด้งขั้นมาอีก และทำอะไรไม่ได้

ซึ่งอาการ นี้เกิดขึ้นกับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้ง Windows XP SP2, SP3 ซึ่งเกิดจากถูกโจมตีระยะไกล(remote attack) จากผู้ไม่หวังดีหรือแฮกเกอร์ อันเกิดจากรูรั่วทางด้านความปลอดภัยของวินโดวส์นั่นเอง

ซึ่งวิธีแก้ปัญหา svchost.exe Application Error สามารถทำได้โดยการดาวน์โหลดและติดตั้งSecurity Update for Windows XP (KB958644) ดังนี้

เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ Security Update for Windows XP (KB958644) มาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการติดตั้งลงเครื่อง และทำการรีสตาร์ทเครื่อง 1 ครั้ง จากนั้นปัญหา svchost.exe Application Error ก็จะไม่มากวนใจคุณและเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณแล้วหล่ะครับ

~ คีย์ลัด Windows ครับ ~

~ คีย์ลัด Windows ครับ ~

ปุ่ม Windows +E เปิด windows Explorer

ปุ่ม Windows +M ย่อขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop

ปุ่ม Windows +Shift+M ทำให้หน้าต่าที่ย่อกลับสู่สภาพเดิม

ปุ่ม Windows +D ย่อ/ยกเลิก ขนาดหน้าต่างทั้งหมดลงมาเพื่อให้เห็น Desktop

ALT+Print Screen ใช้copy หน้าต่างที่เปิดล่าสุด ไปไว้ที่คลิปบอร์ด แล้วนำไปpaste ในที่ต่างๆได้

ปุ่ม Windows +F ค้นหาfile ใน Hardisk

ปุ่ม Ctrl+C Copy ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อความ file ... ปุ่ม

Ctrl+V Paste ได้ทุกอย่าง

ปุ่ม Ctrl+X Cut ได้ทุกอย่าง

ปุ่ม Ctrl+Q ใช้ออกจากโปรแกรมใดๆ ก็ได้

ปุ่ม Alt+F ใช้เปิด file ในโปรแกรมต่างๆ

ปุ่ม Atl+TAB เลือกหน้าต่างอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้mouse

ปุ่ม Delete ใช้ลบสิ่งต่างๆ file ข้อความ

ปุ่ม Alt+Esc ใช้เลือกหน้าต่างที่เปิดไว้มากๆโดยวนไปรอบๆ

ปุ่ม Alt+F4 ปิดโปรแกรม / ปิด windows(shut down)

ปุ่ม shift + ลูกศร หรือ เมาส์ เป็นการเลือก(select) เพิ่มจากเดิม

ปุ่ม Ctrl + คลิ๊กเมาส์ เป็นการเลือก(select)file มากว่า1 โดยกดctrl ค้างไว้

ปุ่ม shift + shut down ( alt+F4) restart windows(ให้กดshiftค้างไว้)

ปุ่ม shift ค้างไว้ขณะใส่แผ่น Cd ยกเลิก autorun.


ใครมีหลายกะจ่วย ๆ แบ่งปันบ้างเน้อออ

~ คีย์ลัด Excel ครับ ~

~ คีย์ลัด Excel ครับ ~


คีย์ลัดประหยัดเวลา โปรแกรมไมโครซอฟต์เอกเซลล์

คีย์ลัดที่ควรทราบ
F1 Help
F2 Edit
F3 paste name ใช้เรียกชื่อที่ตั้งขึ้นนำมาใส่ในสูตร
F4 เปลี่ยนหรือใส่เครื่องหมาย $ ในตำแหน่งอ้างอิงบนสูตร
F4 ทวนคำสั่งล่าสุดซ้ำ
F5 Goto เพื่อไปยังตำแหน่งเซลล์ที่ต้องการ
F9 สั่งคำนวณ
Ctrl+Alt+F9 สั่งคำนวณเพื่อแก้ไข Recalculation Bug
Shift+F9 สั่งคำนวณเฉพาะ active sheet
Ctrl+Click เลือกเซลล์ที่ไม่ติดต่อกันให้เป็นกลุ่มเซลล์
Ctrl+Enter บันทึกซ้ำลงไปในกลุ่มเซลล์
Alt+Enter ขึ้นบรรทัดใหม่ในเซลล์เดิม
Ctrl+ จุด ใช้กับพื้นที่เซลล์ที่เลือกไว้ เพื่อสำรวจขอบเขตพื้นที่
Ctrl+Home กลับไปยังเซลล์ซ้ายบนสุด
Ctrl+End ไปเซลล์ขวาล่างสุด
Ctrl+; ใส่วันเดือนปี
Ctrl+: ใส่เวลา
Ctrl+c Copy
Ctrl+v Paste (เทียบเท่ากับการกด Enter)
Ctrl+x Cut
Ctrl+s Save
End, ลูกศร ไปเซลล์สุดทางในทิศนั้น
Shift+End, ลูกศร เลือกตั้งแต่เซลล์ที่ใช้อยู่ ไปจนถึงเซลล์สุดทางในทิศนั้น ลูกศร เลือกส่วนต่างๆของกราฟ
Alt+F11 สลับหน้า Window ระหว่าง Excel กับ VBE

~ คีย์ลัด Word ครับ ~

~ คีย์ลัด Word ครับ ~

การใช้คีย์ลัดประหยัดเวลาพิมพ์


การเลือกข้อความ
ความต้องการของผู้ใช้
แป้นลัด

1. เลือกข้อความครั้งละ 1 อักขระ ในทิศทางที่ต้องการ

Shift + ลูกศร 4 ทิศ หรือแป้นเลื่อนเคอร์เซอร์

2. เลือกข้อความครั้งละ 1 คำ ในทิศทางที่ต้องการ

Ctrl + Shift + ลูกศร 4 ทิศ หรือแป้นเลื่อนเคอร์เซอร์

3. เลือกข้อความจากจุดที่เคอร์เซอร์วางอยู่ ไปถึงด้านซ้าย
สุดของบรรทัดเดียวกัน

Shift + Home

4. เลือกข้อความจากจุดที่เคอร์เซอร์วางอยู่ ไปถึงด้านขวา
สุดของบรรทัดเดียวกัน

Shift + End

5. ขยายพื้นที่การเลือกข้อความ

F8

6. ลดพื้นที่การเลือกข้อความ

Shift + F8

7. เลือกข้อความทั้งเอกสาร

Ctrl + A

8. เลือกข้อความเป็นช่วงสี่เหลี่ยม ในบริเวณที่ต้องการ

Alt + การ Drag พื้นที่ในแนวตั้ง
การเลื่อนเคอร์เซอร์
แป้นลัด
ผลของการเรียกใช้
1. แป้นเลื่อนเคอร์เซอร์ เลื่อนเคอร์เซอร์ไปตามทิศทางที่เลือก 1 อักขระ
2. Alt+Ctrl+ แป้นเลื่อนเคอร์เซอร์ เลื่อนเคอร์เซอร์ไปครั้งละ 1 วรรค
3. Ctrl+End ไปคำสุดท้ายของเอกสาร
4. Ctrl+แป้นเลื่อนเคอร์เซอร์ เลื่อนเคอร์เซอร์ไปตำแหน่งที่ต้องการ ครั้งละ 1 คำ
5. Shift+F5 ไปตำแหน่งที่มีการแก้ไขครั้งสุดท้าย
6. Crtl+Home ไปคำแรกของเอกสาร
7. Page Up เลื่อนหน้าจอขึ้น ครั้งละ 1 ช่วง
8. Page Down เลื่อนหน้าจอลง ครั้งละ 1 ช่วง

การแก้ไขข้อความ
แป้นลัด
ผลของการเรียกใช้
1. Ctrl+C คัดลอกข้อความโดยฝากไว้ที่ Clipboard
2. Ctrl+V วางข้อความที่อยู่ใน Clipboard
3. Ctrl+X ตัดข้อความโดยฝากไว้ที่ Clipboard
4. F2 ย้ายข้อความที่ถูกเลือก โดยไม่ผ่าน Clipboard
5. Ctrl+Z ยกเลิกการกระทำขั้นสุดท้าย
6. Ctrl+F ค้นหา
7. Ctrl+F3 ตัดข้อความที่ไม่ติดกัน ตั้งแต่ 1 ที่ โดยไม่ฝากไว้ที่ Clipboard
8. Ctrl+Shift+F3 วางข้อความที่ไม่ติดกัน ตั้งแต่ 1 ที่
9. Ctrl+Backspace ลบคำทางซ้ายมือ 1 คำ
10. Ctrl+Delete ลบทางขวา 1 คำ
11. Ctrl+Alt+Backspace กลับข้อความที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษไปเป็นภาษาอังกฤษ หรือ
จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย
12. Shift+F2 คัดลอกข้อความที่ถูกเลือก โดยไม่ผ่าน Clipboard
13. Ctrl+Y , F4 กระทำซ้ำ
14. Ctrl+H แทนที่

~ คีย์ลัดใน Photoshop ครับ ~

~ คีย์ลัดใน Photoshop ครับ ~
สร้างรูปภาพใหม่
= Ctrl + N
= Alt + Ctrl +N >> สร้างใหม่โดยใช้ค่าที่ตั้งไว้ล่าสุด
ปิดไฟล์รูปภาพที่เปิดอยู่
= Ctrl + W >> ปิดเฉพาะไฟลที่กำลังใช้งาน
= Ctrl + Shift + W >> ปิดรูปภาพทั้งหมด
ดูหน้าจองานถัดไปหรือก่อนหน้า
= Ctrl + shift + Tab >> ดูหน้าจอถัดไป
= Ctrl + Tab >> ดูหน้าจอก่อนหน้า
เรียกหน้าจอ Open เพื่อเปิดไฟล์รูปภาพ
= Ctrl + O
เรียกหน้าจอ Open As เพื่อเปิดไฟล์รูปภาพเป็นไฟล์รูปแบบอื่น
= Ctrl + Alt + O
แสดงหน้าจอคำสั่ง Page Setup
= Ctrl + Shift + P
แสดงหน้าจอ Preferences
= Ctrl + K
= Ctrl + Alt + K >> แสดงด้วยค่าที่ใช้ครั้งล่าสุด
แสดงหน้าจอคำสั่ง Print เพื่อพิมพ์รูปภาพ
= Ctrl + P
แสดงหน้าจอ Print Option เพื่อดูภาพก่อนพิมพ์
= Ctrl + Alt + P
วางวัตถุที่ถูกก็อบปี้ไว้ (Paste)
= Ctrl + V
= Ctrl + Shift + P >> วางลงบนขอบเขตที่กำหนด
ออกจากโปรแกรม (Quit)
= Ctrl + Q
ย้อนกลับไปเป็นไฟล์ต้นฉบับ (ยกเลิกการกระทำทั้งหมด)
= F12
บันทึกไฟล์ภาพ (Save)
= Ctrl + S
บันทึกไฟล์ภาพในชื่อใหม่หรือฟอร์แมตอื่นๆ (Save As)
= Ctrl + Shift + S
บันทึกไฟล์ภาพเมื่อนำไปใช้บนเว็บ
= Ctrl + Alt + Shift + S
การปรับหน้าจอรูปภาพ
= Ctrl + O >> ปรับให้พอดีกับหน้าจอ
= Alt + Ctrl + O >> แสดงภาพเท่าขนาดจริง
ย่อ / ขยายขนาดภาพ (ขนาดหน้าจอยังคงเท่าเดิม)
= Ctrl + (+) >> ขยายภาพ
= Ctrl + (-) >> ย่อภาพ
ย่อหรือขยายหน้าจอแสดงภาพทั้งหน้าจอ
= Ctrl + Alt + (+) >> ขยาย
= Ctrl + Alt + (-) >> ย่อ
เรียกใช้อุปกรณ์แว่นขยาย (Zoom) ชั่วคราว แล้วใช้เม้าส์คลิก เพื่อย่อหรือขยายภาพ
= Ctrl + Spacebar >> ขยาย
= Alt + Spacebar >> ย่อ
เลื่อนภาพขึ้นลงหรือซ้ายขวา ครั้งละ 1 หน้าจอ
= Page Up >> เลื่อนขึ้น
= Page Down >> เลื่อนลง
= Ctrl + Page Up >> เลื่อนซ้าย
= Ctrl + Page Down >> เลื่อนขวา
เลื่อนภาพไปทางซ้าย / ขวา ครั้งละ 10 พิกเซล
= Ctrl + Shift + Page Down >> เลื่อนขวา
= Ctrl + Shift + Page Up >> เลื่อนซ้าย
เลื่อนภาพขึ้น / ลง ครั้งละ 10 พิกเซล
= Shift + Page Up >> เลื่อนขึ้น
= Shift + Page Down >> เลื่อนลง
เลื่อนภาพไปยังตำแหน่งอื่น ๆ
= Home >> มุมซ้ายบนสุด
= End >> มุมขวาล่างสุด
ปรับโหมดการแสดงหน้าจอโปรแกรมแบบต่าง ๆ
= F
ล็อก / ปลดล็อก เส้น Guides
= Ctrl + Alt + ;
แสดง / ซ่อน เส้นกริด หรือเส้น Guides
= Ctrl + ' >> เส้นกริด
= Ctrl + ; >> เส้น Guides
แสดง / ซ่อน ไม้บรรทัด
= Ctrl + R
แสดง / ซ่อน เส้น Path
= Ctrl + Shift + H
เปลี่ยนเม้าส์เป็นเครื่องมือ Hand ชั่วคราว
= Spacebar
ก็อบปี้ส่วนที่เลือก เฉพาะในเลเยอร์ปัจจุบัน (Copy)
= Ctrl + C
ก็อบปี้ส่วนที่เลือกของทุกเลเยอร์เก็บไว้ในคลิปบอร์ด (Copy Merged)
= Ctrl + Shift + C
ตัวส่วนที่เลือกจากเลเยอร์ปัจจุบัน เก็บไว้ในคลิปบอร์ด (Cut)
= Ctrl + X
เปิดหน้าจอคำสั่ง Extract เพื่อแยกวัตถุออกจากฉากหลัง
= Ctrl + Alt + X
ปรับรูปทรงของส่วนที่เลือกแบบอิสระ (Free Transform)
= Ctrl + T
ปรับรูปทรงซ้ำอีกครั้ง
= Ctrl + Shift + T
การใช้ฟิลเตอร์
= Ctrl + F >> ใช้ฟิลเตอร์เดิมซ้ำอีกครั้ง
= Ctrl + Alt + F >> แสดงหน้าจอ Last Filter
= Ctrl + Shift + F >> แสดงหน้าจอ Fade
แสดงหน้าจอคำสั่ง Liquify เพื่อทำภาพบิดเบี้ยว
= Ctrl + Shift + X
แสดงหน้าจอคำสั่ง Pattern Maker เพื่อสร้างภาพลวดลาย
= Ctrl + Alt + Shift + X
ย้อนขั้นตอนการทำงานด้วย History
= Ctrl + Alt + Z >> ย้อนกลับ
= Ctrl + Shift + Z >> เลื่อนไปข้างหน้า
ยกเลิกการกระทำขั้นตอนล่าสุด
= Ctrl + Z
ลบพื้นที่ที่ถูกเลือก
= Backspace หรือ Delete
ยกเลิกการเลือก
= Ctrl + D
แสดงหน้าจอคำสั่ง Feather เพื่อกำหนดการฟุ้งกระจายของขอบ
= Ctrl + Alt + D
สลับการเลือก
= Ctrl + Shift + I
เลื่อนพื้นที่ที่ถูกเลือกไปในทิศทางต่าง ๆ
= ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down) >> เลื่อนครั้งละ
1 พิกเซล
= Shift + ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down) >> เลื่อน
ครั้งละ 10 พิกเซล
เลื่อนเฉพาะกรอบไปในทิศทางต่าง ๆ
= Ctrl + ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down) >> เลื่อน
ครั้งละ 1 พิกเซล
= Ctrl + Shift + ลูกศรซ้าย (Lift) , ลูกศรขวา (Right) , ลูกศรบน (Up) , ลูกศรล่าง (Down)
>> เลื่อนครั้งละ 10 พิกเซล
เรียกใช้เครื่องมือสร้างการเลือกแบบ Path
A หรือ Shift + A : : : สลับเครื่องมือ Path และ Direct
เรียกใช้เครื่องมือวาดภาพ Paint Brush
B หรือ Shift + B : : : สลับเครื่องมือ Paintbrush และ Pencil
เรียกใช้เครื่องมือตัดภาพส่วนเกิน Crop
C
ปรับเป็นสีมาตรฐานที่ตั้งไว้ [ Default Colors ]
D
เรียกใช้เครื่องมือลบภาพ Eraser
E หรือ Shift + E : : : สลับใช้เครื่องมือกลุ่ม Eraser
เรียกใช้เครื่องมือเติมสี Gradient
G หรือ Shift + G : : : สลับใช้เครื่องมือ Gradient และ Paint Bucket
เรียกใช้เครื่องมือเลื่อนดูภาพ Hard
H
เรียกใช้เครื่องมือเลือกสี Eyedropper
I หรือ Shift + I : : : สลับใช้เครื่องมือ Eyedropper / Sampler / Measure
เรียกใช้เครื่องมือทำสำเนาภาพ Healing Brush / Patch
J หรือ Shift + J : : : สลับใช้เครื่องมือ Healing Brush และ Patch Tool
เรียกใช้เครื่องมือตัดแบ่งภาพ Slice
K หรือ Shift + K : : : สลับใช้เครื่องมือ Slice และ Slice Select
เรียกใช้เครื่องมือสร้างการเลือกแบบอิสระ Lasso
L หรือ Shift + L : : : สลับใช้เครื่องมือกลุ่ม Lasso
เรียกใช้เครื่องมือการสร้างการเลือกเป็นรูปเรขาคณิต Marpuee
M หรือ Shift + M : : : สลับใช้เครื่องมือแบบ Rectangle และ Elliptical
เรียกใช้เครื่องมือบันทึกหมายเหตุ [ Notes ]
N หรือ Shift + N : : : สลับใช้เครื่องมือ Notes และ Audio Annotation
เรียกใช้เครื่องมือปรับแสงสีชุด Dodge / Burn / Sponge
O หรือ Shift + O : : : สลับใช้เครื่องมือ Dodge / Burn / Sponge
เรียกใช้เครื่องมือสร้างเส้น Path แบบ Pen
P หรือ Shift + P : : : สลับใช้เครื่องมือ Pen และ Freeform Pen
สลับการทำงานระหว่างโหมด Standard และ Quick Mask เพื่อป้องกันภาพจากการปรับแต่ง
Q
เรียกใช้เครื่องมือปรับความคมชัดชุด Blur / Sharpen / Smudge
R หรือ Shift + R : : : สลับใช้เครื่องมือ Blur / Sharpen / Smudge
เรียกใช้เครื่องทำสำเนาภาพ Cone Stamp
S หรือ Shift + S : : : สลับใช้เครื่องมือ Clone และ Pattern Stamp
เรียกใช้เครื่องมือพิมพ์ตัวอักษร Type
T
เรียกใช้เครื่องมือสร้างรูปทรงเรขาคณิต Shape
U หรือ Shift + U : : : สลับใช้เครื่องมือ Shape และ Line
เรียกใช้เครื่องมือ Move
V
เรียกใช้เครื่องมือสร้างการเลือกตามค่าสี Magic Wand
W
สลับสีพื้นหน้าและสีพื้นหลัง
X
เรียกใช้เครื่องมือ History Brush Tool
Y
สลับระหว่าง History และ Art History Brush
Shift + Y
เรียกใช้เครื่องมือดูภาพแบบย่อ / ขยาย Zoom
Z
เพิ่มหรือลดขนาดหัวแปรงอุปกรณ์วาดภาพและยางลบ
[ : : : ลดขนาด
] : : : เพิ่มขนาด
ลดความนุ่ม [ Softness ] หรือความเข้มของเครื่องมือวาดภาพและยางลบ
Shift + [ : : : ลดขนาดทีละ 25%
Shift + ] : : : เพิ่มขนาดทีละ 25%
ปรับความโปร่งใส [ Opacity ] ของเครื่องมือวาดภาพและยางลบ ตั้งแต่ 10% - 100%
0 – 9 [ ปุ่มตัวเลข 0 – 9 ]
0 = 100% , 1 = 10% , 4 = 40% เป็นต้น
กำหนดอัตราการไหล [ flow ] ของสี ในอุปกรณ์แอร์บรัช ตั้งแต่ 10% - 100%
Shift + 0 – 9 [ ปุ่มตัวเลข 0 – 9 ]
เปิดหน้าจอ Color Settings
Ctrl + Shift + K
การปรับภาพอัตโนมัติ
Ctrl + Shift + B : : : ปรับสีอัตโนมัติ ( Auto Color )
Ctrl + Alt + Shift + L : : : ปรับค่าคอนทราสต์อัตโนมัติ ( Auto Contrast )
Ctrl + Shift + L : : : ปรับแสงเงาอัตโนมัติ ( Auto Levels )
เรียกหน้าจอ Color Balance เพื่อปรับสมดุลสี
Ctrl + B
เรียกหน้าจอ Curves เพื่อปรับแสงเงาของภาพอย่างละเอียด
Ctrl + M
ปรับภาพเป็นเฉดสีเทา ( Desaturate )
Ctrl + Shift + U
ตรวจสอบรูปภาพ RPG ที่อยู่นอกขอบเขตของสี CMYK ( Gamut Warning )
Ctrl + Shift + Y
เรียกหน้าจอ Hue / Saturation เพื่อปรับสีและความบริสุทธิ์ของสี
Ctrl + U
ปรับเป็นภาพแบบฟิล์มเนกาตีฟ ( Invert )
Ctrl + I
เรียกหน้าจอปรับ Levels เพื่อปรับการกระจายตัวของแสงและเงา
Ctrl + L
แสดงหน้าจอการเติมสี ( Fill )
Shift + Backspace
เติมสีด้วยขั้นตอนจาก History
Ctrl + Alt + Backspace
Ctrl + Alt + Shift + Backspsce : : : ไม่เติมในส่วนที่โปร่งใส
กำหนดรูปแบบการเติมสี
Ctrl + Backspace : : : เติมด้วยสี Background
Alt + Backspace : : : เติมด้วยสี Foreground
Ctrl + Shift + Backspace : : : เติมด้วยสี Background เฉพาะส่วนที่ไม่โปร่งใส
Alt + Shift + Backspace : : : เติมด้วยสี Foreground เฉพาะส่วนที่ไม่โปร่งใส
สร้างเลเยอร์ใหม่ [ New Layer ]
Ctrl + Shift + N
Ctrl + Alt + Shift + N : : : ไม่แสดงหน้าจอกำหนดรายละเอียด
เลือกเลเยอร์
Alt + ] : : : ถัดไป
Alt + [ : : : ก่อนหน้า
Alt + Shift + ] : : : ล่างสุด
Alt + Shift + [ : : : บนสุด
นำเลเยอร์ที่เลือกมาไว้หน้าสุด
Ctrl + Shift + ]
จัดกลุ่มเลเยอร์
Ctrl + G
Ctrl + Shift + G : : : ยกเลิกการจัดกลุ่ม
ปรับความโปร่งใสของเลเยอร์ตั้งแต่ 10% - 100%
1 – 0 : : : ปุ่มตัวเลข 1 – 0
ตัวเลือกของการสร้างเลเยอร์ใหม่ในระหว่างการก็อปปี้
Ctrl + J : : : สร้างใหม่ระหว่างการก็อปปี้
Ctrl + Shift + J : : : สร้างใหม่ระหว่างการตัด
รวมเลเยอร์ที่ลิงค์อยู่กับเลเยอร์ปัจจุบันให้กลายเป็นเลเยอร์เดียว
Ctrl + E
รวมเลเยอร์ที่แสดงอยู่เข้าด้วยกัน ยกเว้นเลเยอร์ที่ถูกซ่อน [ Merge Visible ]
Ctrl + Shift + E
รวมเลเยอร์ที่แสดงอยู่เข้าด้วยกัน
Ctrl + Alt + Shift + E
รวมเลเยอร์ปัจจุบัน เข้ากับเลเยอร์ที่อยู่ด้านล่าง [ Move Layer Down ]
Ctrl + [
ล็อกเลเยอร์เฉพาะส่วนที่โปร่งใส
/
ย้ายเลเยอร์
Ctrl + ] : : : ขึ้น 1 ระดับ
Ctrl + [ : : : ลง 1 ระดับ
Ctrl + Shift + ] : : : ขึ้นบนสุด
Ctrl + Shift + [ : : : ลงล่างสุด
เลือกโหมดการผสมสี
Shift + (ลบ)- : : : เลือกย้อนหลัง
Shift + (บวก)+ : : : เลือกไปข้างหน้า
เลือกการผสมสีในโหมดที่ต้องการ
Alt + Shift + Q : : : Behind
Alt + Shift + R : : : Clear
Alt + Shift + C : : : Color
Alt + Shift + B : : : Color Burn
Alt + Shift + D : : : Color Dodge
Alt + Shift + K : : : Darken
Alt + Shift + E : : : Difference
Alt + Shift + I : : : Dissolve
Alt + Shift + X : : : Exclusion
Alt + Shift + H : : : Hard Light
Alt + Shift + U : : : Hue
Alt + Shift + G : : : Lighten
Alt + Shift + A : : : Linear Burn
Alt + Shift + W : : : Linear Dodge
Alt + Shift + J : : : Linear Light
Alt + Shift + Y : : : Luminosity
Alt + Shift + M : : : Multiply
Alt + Shift + N : : : Normal
Alt + Shift + O : : : Overlay
Alt + Shift + Z : : : Pin Light
Alt + Shift + T : : : Saturation
Alt + Shift + S : : : Screen
Alt + Shift + F : : : Soft Light
Alt + Shift + L : : : Threshold / Normal
Alt + Shift + V : : : Vivid Light
พาเลตต์เป็นหน้าจอย่อยที่ใช้เลือกรายละเอียดประกอบการทำงานต่าง ๆ ในโปรแกรม ซึ่งปุ่มคีย์บอร์ดที่สามารถใช้ควบคุมการใช้งานประกอบด้วย
แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Action
F9
แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์และแถบเครื่องมือทั้งหมด
Teb
แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ทั้งหมดแต่ยังคงแสดงแถบเครื่องมือ
Shift + Teb
แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Brushes
F5
แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Color
F6
แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Info
F8
แสดง / ซ่อน หน้าจอพาเลตต์ Layers
F7
ปรับหรือยกเลิกแบบตัวอักษรต่าง ๆ
Ctrl + Shift + H : : : ตัวพิมพ์เล็ก
Ctrl + Shift + / : : : ขีดฆ่า
Ctrl + Alt + Shift + ( บวก )+ : : : ตัวห้อย
Ctrl + Shift + ( บวก )+ : : : ตัวยก
Ctrl + Shift + U : : : ขีดเส้นใต้
Ctrl + Shift + K : : : ตัวพิมพ์ใหญ่
จัดตัวอักษรชิดขอบด้านใดด้านหนึ่ง
Ctrl + Shift + L : : : ชิดซ้าย
Ctrl + Shift + R : : : ชิดขวา
Ctrl + Shift + C : : : กึ่งกลาง
เพิ่ม / ลดค่า Kerning ครั้งละ 20 / 1000 em
Alt + <- หรือ ->
เพิ่ม / ลด ตำแหน่งตัวอักษร ครั้งละ 2pt
Alt + Shift + ∧(ลูกศร) หรือ ∨(ลูกศร)
ปรับระยะบรรทัดเพิ่ม / ลด ครั้งละ 2pt
Alt + ∧(ลูกศร) หรือ ∨(ลูกศร)
ปรับระยะบรรทัดเป็น Auto
Ctrl + Alt + Shift + A
เพิ่ม / ลดขนาดตัวอักษรครั้งละ 2 Point
Ctrl + Shift + < : : : เพิ่ม Ctrl + Shift + > : : : ลด
จัดย่อหน้าให้ด้านซ้ายขวาตรงกัน และบรรทัดสุดท้ายชิดซ้าย
Ctrl + Shift + J
จัดย่อหน้าให้ด้านซ้ายขวาตรงกัน รวมทั้งบรรทัดสุดท้าย
Ctrl + Shift + F
เลื่อนเคอร์เซอร์
Ctrl + -> : : : เลื่อนไปข้างหลังทีละคำ
Ctrl + <- : : : เลื่อนไปข้างหน้าทีละคำ Home : : : ต้นบรรทัด End : : : ท้ายบรรทัด Ctrl + Home : : : ต้นเนื้อหา Ctrl + End : : : ท้ายเนื้อหา Ctrl + ∧(ลูกศร) : : : ย่อหน้าก่อนหน้า Ctrl + ∨(ลูกศร) : : : ย่อหน้าถัดไป เลือกตัวอักษร Shift + <- หรือ -> : : : เลือกทีละตัว
Shift + ∧(ลูกศร) หรือ ∨(ลูกศร) : : : เลือกทีละบรรทัด
Ctrl + Shift + <- หรือ -> : : : เลือกทีละคำ
Shift + Home : : : ต้นบรรทัด
Shift + End : : : ท้ายบรรทัด
Ctrl + Shift + Home : : : ต้นเนื้อหา
Ctrl + Shift + End : : : ท้ายเนื้อหา
ตั้งค่าความกว้าง / สูง ตัวอักษรเป็น 100%
Ctrl + Shift + X : : : ปรับความกว้าง
Ctrl + Alt + Shift + X : : : ปรับความสูง
ตั้งค่า Tracking เป็น 0
Ctrl + Shift + Q
เลือก / ยกเลิก ใส่ขีดในคำที่ตกบรรทัด
Ctrl + Alt + Shift + H
ปรับวิธีจัดคำ
Ctrl + Alt + Shift + T

~ รวม Hot Keys A-Z ~

รวม Hot Keys A-Z สำหรับ MS Office
CTRL + A = Select All เลือกทั้งหมด
CTRL + B = Bold ตัวหนา
CTRL + C = Copy คัดลอก
CTRL + D = Font format กำหนดรูปแบบอักษร
CTRL + E = Center ตรงกลาง
CTRL + F = Find ค้นหา
CTRL + G = Goto ไปที่
CTRL + H = Replace แทนที่
CTRL + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + J = Justify จัดชิดขอบ
CTRL + K = Insert Hyper Link แทรกการเชื่อมโยงหลายมิติ
CTRL + L = Left จัดชิดซ้าย
CTRL + M = Indent เพิ่มระยะเยื้อง
CTRL + N = New สร้างแฟ้มใหม่
CTRL + O = Open เปิดแฟ้มใหม่
CTRL + P = Print พิมพ์
CTRL + Q = Reset Paragraph ตั้งค่าย่อหน้าใหม่
CTRL + R = Right จัดชิดขวา
CTRL + S = Save จัดเก็บ (บันทึก)
CTRL + T = Tab (ตั้งระยะแท็บ)
CTRL + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + V = Paste วาง
CTRL + W = Close ปิดแฟ้ม
CTRL + X = Cut ตัด
CTRL + Y = Redo or Repeat ทำซ้ำ
CTRL + Z = Undo ยกเลิกการกระทำครั้งล่าสุด

CTRL + SHIFT + A = All Caps ทำเป็นตัวใหญ่ทั้งหมด (สำหรับภาษาอังกฤษ)
CTRL + SHIFT + B = Bold ตัวหนา
CTRL + SHIFT + C = Copy Format คัดลอกรูปแบบ
CTRL + SHIFT + D = Double Underline ขีดเส้นใต้ 2 เส้น
CTRL + SHIFT + E = Revision Mark Toggle สลับการทำเครื่องหมายรุ่นเอกสาร
CTRL + SHIFT + F = Fonts Name Select เลือกชื่อแบบอักษร
CTRL + SHIFT + G = Word count นับจำนวนคำ
CTRL + SHIFT + H = Hidden ซ่อน
CTRL + SHIFT + I = Italic ตัวเอียง
CTRL + SHIFT + J = Thai Justify จัดคำแบบไทย
CTRL + SHIFT + K = Small Caps ทำอักษรตัวพิมพ์เล็กให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่แบบเล็กๆ
CTRL + SHIFT + L = Apply List Bullet ใช้เครื่องหมายหน้าข้อ
CTRL + SHIFT + M = Unindent ลดระยะเยื้อง
CTRL + SHIFT + N = Normal Style ใช้ลักษณะแบบปกติ
CTRL + SHIFT + O = N/A
CTRL + SHIFT + P = Font Size Select เลือกขนาดแบบอักษร
CTRL + SHIFT + Q = Symbol Font ใช้แบบอักษรสัญลักษณ์
CTRL + SHIFT + R = Recount Words นับคำใหม่
CTRL + SHIFT + S = Style กำหนดลักษณะ
CTRL + SHIFT + T = Unhang ไม่แขวนภาพ
CTRL + SHIFT + U = Underline ขีดเส้นใต้
CTRL + SHIFT + V = Paste Format วางรูปแบบ
CTRL + SHIFT + W = Word Underline ขีดเส้นใต้เฉพาะคำ
CTRL + SHIFT + X = N/A
CTRL + SHIFT + Y = N/A
CTRL + SHIFT + Z = Reset Character ตั้งค่าแบบอักษรใหม่

CTRL + ALT + A = N/A
CTRL + ALT + B = N/A
CTRL + ALT + C = Copyright sign ((c)) สัญลักษณ์ลิขสิทธิ์
CTRL + ALT + D = N/A
CTRL + ALT + E = Euro Sign (?) สัญลักษณ์เงินยูโร
CTRL + ALT + F = Insert Footnote Now แทรกหมายเหตุ
CTRL + ALT + G = N/A
CTRL + ALT + H = N/A
CTRL + ALT + I = Print Preview ตัวอย่างก่อนพิมพ์
CTRL + ALT + J = N/A
CTRL + ALT + K = Auto Format จัดรูปแบบอัตโนมัติ
CTRL + ALT + L = Insert List Number แทรกเลขลำดับหน้าข้อ
CTRL + ALT + M = Insert Annotation แทรกคำอธิบาย
CTRL + ALT + N = Normal View มุมมองปกติ
CTRL + ALT + O = Outline View มุมมองแบบร่าง
CTRL + ALT + P = Page View มุมมองเหมือนพิมพ์
CTRL + ALT + Q = N/A
CTRL + ALT + R = Registered sign สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
CTRL + ALT + S = Document Split แยกเอกสาร
CTRL + ALT + T = Trade Mark sign (?) สัญลักษณ์เครื่องหมายการค้า
CTRL + ALT + U = Update Auto Format for Tableปรับปรุงการจัดรูปแบบอัตโนมัติในตาราง
CTRL + ALT + V = Insert Auto Text แทรกข้อความอัตโนมัติ
CTRL + ALT + W = N/A
CTRL + ALT + X = N/A
CTRL + ALT + Y = Repeat find ค้นหาเพิ่มเติม
CTRL + ALT + Z = Go back ย้อนกลับ

Special Keys
CTRL + < = Decrease Font size by step เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด CTRL + > = Increase Font size by step ลดขนาดตัวอักษรทีละขนาดที่กำหนด
CTRL + [ = Decrease Font size by point เพิ่มขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + ] = Increase Font size by point ลดขนาดตัวอักษรทีละพอยน์
CTRL + - = Optional Hyphen แทรกยัติภังค์
CTRL + _ = Non Breaking Hyphen แทรกยัติภังค์แบบไม่แบ่งคำ
CTRL + = = Sub Script ตัวห้อย
CTRL + + = Super Script ตัวยก
CTRL + \ = Toggle Master sub document สลับไปมาระหว่างเอกสาร

~ การใช้ Keyboard บนหน้าจอคอม ฯ ~

การใช้ Keyboard บนหน้าจอคอม ฯ
1. ให้ท่านเปิดหน้าต่าง Run ขึ้นมาครับ(Win+R)
2. พิมพ์ข้อความ OSK เข้าไปแล้วกด Enter เท่านี้ท่านก็จะเห็นรูปคีย์บอร์ดขึ้นมาแล้วละ่ครับ
3. อีกวิธี ก็คือให้ท่านคลิกที่ Start>All program>Accessories>Accessibility เลือก On-ScreenKeyboard
3. การใช้งานคีย์บอร์ดท่านต้องใช้เมาส์ชี้ปุ่มที่ต้องกา รใช้แล้วก็ คลิก

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

~ Lock Folder โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรม ~

มาล๊อก Folder โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรม

มาอีกแล้วนะครับ สำหรับวิธีการ ล๊อก Folder ที่เราอยากจะเก็บไว้เป็นความลับไม่ต้องการให้คนอื่นม าเปิดดูไฟล์ใน Folder ของเราวันนี้ ขอเสนอวิธีการ ล๊อก Folder โดยการใช้ Bat file นะครับ

วิธีการก็ง่ายๆครับ ให้คุณสร้าง Folder ที่คุณต้องการจะเก็บไฟล์นะครับ ในที่นี้ผมขอ สร้างเป็น ชื่อ ArmZa นะครับ วิธีการสร้าง Folder ทุกคนคงรู้อยู่แล้ว ผมไม่ขอพูดถึงนะครับ

จากนั้นให้คุณเปิด Notepad แล้วพิมพ์ หรือ copy ของผมไปก็ได้ แล้วให้คุณปลี่ยน คำว่า ArmZa เป็นชื่อ Folder ของคุณ

รูปแบบของการเขียนไฟล์ปลดล๊อก.bat
ren ชื่อfolder {20D04FE0-3AEA-1069-A2D8-08002B30309D} ชื่อfolder.
ก็จะได้
ren ArmZa.{20D04FE0-3AEA-1069-A2D8-08002B30309D} ArmZa

*****หมายเหตุ ชื่อ Folder ห้ามแว้นวรรค นะครับ เช่น New Folder เนี่ยะไม่ได้นะครับ เพราะว่า ใน command มันไม่รู้จัก วรรค ครับมันจะหาแค่ Folder ที่ชื่อว่า New เท่านั้น

จากนั้นให้คุณ ไปที่ File >>Save As >> ตั้งชื่อไฟล์ครับ >>ของผมผมจะตั้งชื่อว่า Key.bat ต้องเป็น .bat เท่านั้นนะครับ

แล้วให้คุณกลับมาที่ Notepad อีกครั้ง
ให้แก้โค้ดเป็นรูปแบบดังนี้

ren ชื่อfolder ชื่อfolder. {20D04FE0-3AEA-1069-A2D8-08002B30309D}

ระหว่างชื่อfolder ให้ เคาะหนึ่งน่ะครับแล้วก็ตามด้วยชื่อfolder
คุณจะได้โค้ดเป็น
ren ArmZa ArmZa.{20D04FE0-3AEA-1069-A2D8-08002B30309D}

จากนั้นให้คุณ ไปที่ File >>Save As >> ตั้งชื่อไฟล์ครับ >>ของผมผมจะตั้งชื่อว่า Lock.bat ต้องเป็น .bat เท่านั้นนะครับ

เมื่อคุณต้องการ Lock โฟเดอร์ ให้คุณดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ Lock.bat
เมื่อคุณต้องการ ปลด Lock โฟเดอร์ ให้คุณดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ Key.bat

ผมได้แนบไฟล์ที่ผมทำไว้มาให้แล้วด้วยนะครับ สำหรับคนที่ไม่อยากเขียนเอง แต่อยากลอกโฟเดอร์ไม่ให้คนอื่นเข้ามาคุณก็แค่เอาไฟล์ ไปเก็บในโฟเดอร์ ArmZa ของผมเท่านั้นเอง

เมื่อคุณต้องการ Lock โฟเดอร์ ให้คุณดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ Lock.bat
เมื่อคุณต้องการ ปลด Lock โฟเดอร์ ให้คุณดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ Key.bat

~ เทคนิคการซ่อนไฟล์​ให้​หายากขึ้น ~

เทคนิคการซ่อนไฟล์​ให้​หายากขึ้น
ถ้า​คุณ​ไม่​ต้อง​การ​ให้​ผู้​อื่น​มา​เปิดดู​ไฟล์ของคุณ​ได้​ ​คุณ​สามารถ​ซ่อนไฟล์​ให้​ผู้​อื่น​ไม่​สามารถ​เปิดดู​หรือ​ค้น​หา​เจอ​ได้​ ยากขึ้น​หรือ​อาจ​ไม่​เจอเลย​ ​โดย​ให้​คุณเปลี่ยนนามสกุลไฟล์​เป็น​รูปแบบ​อื่น​ ​ๆ​ ​ดังวิธีการต่อไปนี้​
​เปิด​ My Computer ​ขึ้นมาคลิกที่​เมนู​ Tools > Options ​คลิกที่​แท็บ​ view ​คลิกเครื่องหมายถูกออกที่ช่อง​ Hide file extensions for known type ​คลิก​ OK ​จาก​นั้น​ให้​คุณคลิกเลือกไฟล์ที่​ต้อง​การซ่อน​ ​กดปุ่ม​ F2 ​แล้ว​ไก้​ไขนามสกุลไฟล์​ไป​เป็น​ชนิด​อื่น​ ​เช่นไฟล์​ Tips.doc ​ก็อาจ​จะ​เปลี่ยน​เป็น​ Tips.dcc ​เป็น​ต้น​ ​จาก​นั้น​ให้​กดปุ่ม​ Enter ​วินโดวส์​จะ​ให้​คุณยืนยัน​ ​ให้​คุณคลิก​ Yes ​เพื่อยืนยันการเปลี่ยน​ ​ถ้า​คุณ​ต้อง​การเปิดไฟล์นี้ก็​ให้​คุณเปลี่ยนนามสกุลไฟล์​ให้​เป็น​เหมือน เดิมก็​จะ​เปิด​ได้

~ มารู้ว่า Registry คืออะไรบ้าง ~

มารู้ว่า Registry คืออะไรบ้าง

Registry เปรียบเหมือนศูนย์กลางของข้อมูล ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลต่างๆอย่างเป็นหมวดหมู่ การเพิ่ม ลบ ติดตั้ง แก้ไขทุกอย่างอยู่ในนี้ทั่งหมด
แต่ละตัวมีหน้าทีไรบ้าง
HKEY_CLASSES_ROOT
ใช้สำหรับเก็บสมบัติต่างๆและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ software ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเครื่องคอม

HKEY_CURRENT_USER
ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้ที่ใช้งานปัจจุบั นที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับ HKEY_USERS

HKEY_LOCAL_MACHINE
ใช้สำหรับเก็บข้อมูลด้าน hardware softwareและการตั้งค่าอื่นๆ ภายในเครื่อง ข้อมูลภายในของส่วนนี้จะสามารถใช้งานกับทุกคนที่ใช้ค อม

HKEY_USERS
ใช้สำหรับเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผู้ใช้ทั้ง หมด จะมีความสัมพันธ์กับ HKEY_CURRENT_USER

HKEY_CURRENT_CONFIG
ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการกำหนดค่าต่างๆของ hardware หรือ อุปการณ์ต่อพ่วงทั้งหมด

~ วิธีแก้หน้าจอสีฟ้า100% ~

วิธีแก้หน้าจอสีฟ้า100%
แก้ปัญหาจอฟ้าได้ผล 100%
ทิปต่อไปนี้คือ วิธีแก้บลูสกรีนแบบหายขาดมาฝากรับรองทำตามแล้วคุณจะไม่เจอบลูสกรีนอีกเลย

1. ใช้โน้ตแพดเปิดไฟล์ system.ini ที่อยู่ในไดเรกทอรี C:\windows\
2. ไปที่หัวข้อที่เขียนว่า [ 386enh] เพิ่ม 2 บรรทัดนี้เข้าไป
MessageBackColor=2
MessageTextColor=F
3. เซฟไฟล์ให้เรียบร้อย

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

~ Shutdown window 5 sec. ~

Shutdown windows 5 sec.

ตามหัวข้อหละ shutdown แบบเร็วจี๋

กดคีย์บอร์ด ctr+atl+del

ไปที่ แทรกบาร์ shutdown


~ วิธีการเพิ่มแรมครับ ~

เพิ่มแรม โดยไม่เสียตังค์จ้า
แรมคือ ชิ้นส่วนทางฮาร์ดแวร์ ของคอมพิวเตอร์ครับ เป็นหน่วยความจำนี่แหละ แต่ว่ามันจะอยู่เมื่อคอมพ์

ถูกใช้งาน และจะหายไปเมื่อปิดคอมพ์ หมายถึงข้อมูลอานะ มีผู้กล่าวไว้ว่า แรมก็เหมือนกระดาษทดเลข ยิ่งมีมาก


ก็ยิ่งดี ...........ประมาณนี้หละ


ในหัวข้อนี้ เราจะเอาพื้นที่ในฮาร์ดดิกส์ มาทำเป็นแรมครับ

คลิกขวา My computer >Properties > แท็ป Advance > ดูกรอบของ Performance > คลิก Setting >

แท็ป Advance > ดูกรอบ Virtual Memory > กด Change ...... ต่อออออไปดูรูปกัน



เปลี่ยนเลขในช่อง Initial size เท่ากับ Maximum size เสร็จแล้วคลิก set กดโอเค ต่อเลยครับ

จะเห้นได้ว่าเมื่อกดโอเคแล้ว เครื่องจะให้เรารีสตาร์ทก่อน เราถึงจะใช้คุณสมบัติที่เปลี่ยนแปลงแล้ว กด รีสตาร์ท

เลยนะครับ

==============================================================

เลข 5000 ข้างต้น เราสามารถ เปลี่ยนแปลงได้ให้มากหรือน้อย ขึ้นกับ พื้นที่ใน ฮาร์ดดิกส์ นะครับ

~ การดู IP เครื่องตัวเอง ~

การดู IP เครื่องตัวเอง

วิธีดูไอพีเครื่องโดยทั่วไปเรามักจะดูกันยังงี้เน้อ


start>run>cmd เรียก คอมมานขึ้นมา

พิมพ์คำว่า ipconfig ลงไป

โฮ๊ะๆๆๆๆ



~ Defrag ฮาร์ดดิสก์ ~

Defrag ฮาร์ดดิสก์ เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับคอม

การใช้งาน Defrag ฮาร์ดดิสก์ เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานของระบบ

การทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์หรือ Disk Defragmenter ก็คือการทำการจัดเรียงข้อมูลของไฟล์ต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์
ให้มีความต่อเนื่องหรือเรียงเป็นระบบต่อ ๆ กันไป ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ความเร็วในการอ่านข้อมูลของไฟล์นั้น จะมีการอ่านข้อมูล
ได้ เร็วขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่นถ้าหากมีไฟล์ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เมื่อต้องการอ่าน
ข้อมูลของไฟล์นั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ก็จะต้องมีการเคลื่อนย้ายไปมาเพื่อทำการอ่านข้อมูลจบครบ หากเรามีการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์
แล้วจะทำให้การเก็บข้อมูลจะมีความต่อเนื่องกันมากขึ้น เมื่อต้องการอ่านข้อมูลนั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์จะสามารถอ่านได้
โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายหัวอ่านบ่อยหรือมากเกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการอ่านได้เร็วขึ้นที่จริงแล้ว ยังมีโปรแกรมของบริษัทอื่น ๆ
อีกหลายตัวที่สามารถทำการจัดเรียงข้อมูลให้มีความต่อเนื่องกันได้ เช่น Speed disk ของ Norton และอื่น ๆ อีกมาก
แต่ในที่นี้จะขอแนะนำหลักการของการใช้โปรแกรม Disk Defragmenter ที่มีมาให้กับ Windows อยู่แล้ว ไม่ต้องไปค้นหาจากที่อื่นครับ

นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการทำ Disk Defrag คือต้องปิดโปรแกรมต่าง ๆ ที่ทำงานอยู่ในขณะนั้นให้หมดก่อน
เช่น Screen Saver, Winamp หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่จะต้องทำให้มีการอ่าน-เขียน ฮาร์ดดิสก์ บ่อย ๆ เพราะว่า
เมื่อใดก็ตามที่ฮาร์ดดิสก์มีการอ่าน-เขียนข้อมูล จะทำให้โปรแกรม Disk Defragment เริ่มต้นการทำ Defrag ใหม่ทุกครั้ง ทำให้การทำ
Defrag ไม่ยอมเสร็จง่าย ๆ หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows แบบ Self Mode โดยการกด F8 เมื่อเปิดเครื่องเพื่อเข้าหน้าเมนู และเลือกเข้า Self Mode แทนก็ได้

การเรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter
เรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และเลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Disk Defragmenter ตามรูปตัวอย่าง



เลือกที่ Disk Defragmenter เพื่อเรียกใช้โปรแกรม Defrag

เลือก ที่ Drive ที่ต้องการทำ Defrag และกด OK เพื่อเริ่มต้นการทำ Defrag หรืออาจจะเลือกที่ Settings... เพื่อทำการตั้งค่าต่าง ๆ

ก่อนก็ได้

Rearrange program files... เลือกถ้าต้องการให้มีการจัดเรียงลำดับการเก็บข้อมูลของไฟล์
Check the drive... เลือกถ้าต้องการให้มีการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ก่อนการทำ Defrag
This time only เลือกถ้าต้องการให้การตั้งค่าข้างบน มีผลเฉพาะการเรียก Disk Defragmenter ในครั้งนี้เท่านั้น
Every time I degragment... เลือกถ้าต้องการเก็บค่าที่ตั้งไว้ให้ใช้ตลอดไปโดยไม่ต้องเข้ามาเลือกใหม่
เมื่อเลือกได้แล้วก็กด OK (แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ค่าที่ตั้งไว้อยู่แล้ว จะดีกว่าครับ)

เมื่อกด OK ก็จะเริ่มต้นการทำ Disk Defragment ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ จะค่อนข้างนานมากนะครับ ประมาณ 1-4 ชม.ทีเดียว
ดังนั้นก็นาน ๆ ทำสักครั้งก็พอ ไม่ต้องทำบ่อยนัก ถ้าสงสารฮาร์ดดิสก์ที่ต้องมีการทำงานที่หนัก ๆ มากครับ โดยส่วนตัวผมแนะนำว่า
ถ้าไม่มีการลงโปรแกรมต่าง ๆ บ่อยนักก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ถ้าหากรู้สึกว่าฮาร์ดดิสก์ทำงานช้าลงไป ก็ลองทำดูสักครั้งครับ
ข้อควรระวังในการทำ Defrag ฮาร์ดดิสก์

ขณะที่กำลังทำการ Defrag หากต้องการยกเลิกการทำงาน จะต้องกดที่ Stop เท่านั้น ห้ามปิดเครื่องหรือกดปุ่ม
Reset เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของคุณอาจจะสูญหายได้ครับ

~ ความหมายของแฟต (FAT) ~

ความหมายของแฟต (FAT)

Cluster หรือ Sector ของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้บันทึกข้อมูลแบ่งได้เป็น2ขนาดคือ

1.ขนาด FAT 16 (File Allocation Table) มีความเร็วในการทำงาน 16 bit จะเป็นการแบ่งฮาร์ดดิสก์ขนาดความจุตั้งแต่
16 เม็กกะไบต์จนถึง 2.1 กิกะไบต์ และต้องใช้ DOS 6.22 , WIN 95 ในการแบ่งพาร์ติชั่น
2.ขนาด FAT 32 (File Allocation Table) มีความเร็วในการทำงาน 32 bit จะเป็นการแบ่งฮาร์ดดิสก์ขนาดความจุตั้งแต่
512 เม็กกะไบต์ขึ้นไปและต้องใช้ WIN 95 OSR 2 , WIN 98 ในการแบ่งพาร์ติชั่น

ตารางเปรียบเทียบขนาดพาร์ติชั่น


ขนาดฮาร์ดดิสก์ FAT 16 FAT 32
ขนาด KB/ Cluster KB/ Cluster
16 - 127 MB 2 มองไม่เห็น
128 - 225 MB 4 มองไม่เห็น
226 - 511 MB 8 มองไม่เห็น
512 - 1,023 MB 16 4
1,024 - 2,048 MB 32 4
2,049 MB - 8 GB มองไม่เห็น 4
8 - 16 GB มองไม่เห็น 8

~ การเข้าสู่ Safe Mode ~

การเข้าสู่ Safe Mode

การเข้าสู่ Safe Mode เป็นการแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นจากซอฟต์แวร์ เพราะในโหมดนี้จะข้ามการทำงาน Registry ,
ไดรเวอร์ของฮาร์ดแวร์ ดังนั้นขั้นตอนการบูตเข้า Safe Mode จึงไม่เสียหายจากการทำงานเหล่านี้ ดังนั้น
จึง ควรเรียนรู้การใช้งาน Safe Mode ด้วย เพราะจะช่วยแก้ปัญหาในหลายๆ เรื่องได้เป็นอย่างดี หากเครื่องมีปัญหาไม่สามารถบูตเข้าวินโดวส์ได้
จะแก้ปัญหาโดยการเข้าสู่ Safe Mode

เช่น หากปัญหาที่เกิดจากการติดตั้งไดรเวอร์ ก็ให้เข้า Safe Mode แล้วเข้าไปลบไดรเวอร์ตัวนั้นทิ้งไป
ซึ่งการเข้า Safe Mode ก็สามารถทำได้ดังต่อไปนี้
ให้บูตเครื่องขึ้นมาใหม่ จากนั้นกดปุ่ม F5 บนคีย์บอร์ดย้ำ ๆ (หรือกดปุ่ม Ctrl ค้างไว้) แล้วจะปรากฏเมนูขึ้นมาดังนี้

1. Normal
2. Logged (\ BOOTLOGE.TXT)
3. Safe Mode
4. Step-by-step confirmation
5. Command prompt only
6. Safe modecommand promt only

ให้เลือกที่หัวข้อ 3 Safe Mode เท่านี้เราก็จะสามารถเข้า Safe Mode ได้แล้ว


~ การดูสเปคของคอมพิวเตอร์ ~

ตรวจจดูสเปค ของคอมพิวเตอร์

ในการตรวจจดูสเปค ของคอมพิวเตอร์นั้นมีหลายวิธีครับ

ในตอนนี้ผมขอแยกออกเป็นสองวิธี ก็แล้วกันนะ (ความเห็นส่วนตัวอิอิ)

ซึ่งได้แก่ การตรวจดูโดยเข้า windows หรือการใช้โปรแกรมช่วย และการดูใน BIOS

ไม่รู้ว่า BIOS คืออะไร เดี๊ยวผมจะบอกในพาสหลังนะครับ เพราะว่าวันนี้ผมจะมาบอกใน วิธีแรกครับ

คือการดูในหน้าเดสทอป หรือ ใน windows

ซึ่งมีหลายวิธีเหมือนกัน ณ ที่นี้ จะบอกทีละอย่างก็แล้วกันนะครับ (อย่าเบื่อผมก่อนหละ)

1 . วิธีง่ายๆ ทีนิยมใช้กันคือ

คลิกขวาที่ My Computer > Properties


ดูกันเลยครับ


โอเคครับในวิธีแรกทำให้เรารู้ ซีพียูกะแรม แล้วโปรแกรมปฏิบัติการต่างๆ แต่ๆ เราไม่รู้อิกเยอะ

ทั้ง ฮาร์ดดิสก์ การ์ดจอ ......................................


2. ดูวิธีต่อไปครับ

ตอนนี้เราจะเริ่มใช้ RUN ให้เกิดประโยช์น์ครับ

คลิก Start > Run


จะมี RUN เด้งขึ้นมา

พิมพ์ dxdiag ลงไปครับ


อย่าตกใจหากมีอะไรเด้งขึ้นมา 555

อาหละครับ รู้หมดไสหมดพุงเลย เอาเป็นว่า ดุเองครับ อยากรู้ไร ดุครับ แต่ควรระวังอย่ายุ่งหรือเปลี่ยนแปลงนะ เดี๊ยวคอมพ์ พัง แบบว่า ดูอย่างเดียว


อิกนิดหนึ่ง หากจะดู ไดร์เวอร์ การ์ดจอ กดที DISPLAY ข้างบนครับ


โอเคหละครับ มีประโยชน์มาก ในการดูสเปคคอมพ์ ที่เรา เอาไปซ่อม หรือว่า ในการเลือกซื้อหา