วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

~ ป้องกันจากวิธีการโจมตีของแฮกเกอร์ ~

~ ป้องกันจากวิธีการโจมตีของแฮกเกอร์ ~

ปัจจุบัน อินเตอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นทุกวัน เราสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้จากทุก ๆ สถานที่เพื่อทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่าง แม้จะได้รับความสะดวกสบายแต่ก็ต้องเสี่ยงกับการเปิดเผยข้อมูลสำคัญออกไปโดย ที่ไม่ได้ตั้งใจ และอาจไม่รุ้ตัว
วันนี้ผมมีตัวอย่างการโจมตีเครื่องของคุณผ่านระบบเครือข่ายแบบต่าง ๆ และการหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี
- Packet Sniffers
คือ การที่แฮกเกอร์ใช้กับดักจับแพ็กเก็ตที่วิ่งอยู่ในเครือข่ายเพื่อดักข้อมูล สำคัญ เช่นพาสส์เวิร์ค รหัสบัตรเครดิตเป็นต้น การหลีกเลี่ยงการโดนดักข้อมูลทำได้หลายวิธี เช่นเพิ่ม Authentication ให้มากขึ้นใช้เครื่องมือต่าง ๆ ทั้งที่เป็นฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์ช่วยป้องกันใช้เข้ารหัส (Cryptography)
- IP Spoofing
เป็น วิธีการที่แฮกเกอร์จะปลอมตัวเสมือนว่าเป็นผู้ใช้งานปกติแล้วตั้งเครือข่าย เพื่อเป็นฐานในการโจมตีแบบอื่น ๆ ต่อไป วิธีหลีกเลี่ยงคือต้องกำหนด Access Control ให้รัดกุมขึ้นก็จะช่วยได้
- Denial-of-Service (Dos)
ถือ ได้ว่าเป็นการโจมตีที่คลาสสิคที่สุด เนื่องจากความง่ายในการโจมตี ความเสียหายที่รุนแรง มีหลายวิธีมากเช่น Ping of Death , TCP SYN Flood ,TFN,Trinoo,Trinoo,Trinty ,Stacheldraht ซึ่งลักษณะการโจมตีแบบ Dos นั้นไม่ได้มุ่งหวังที่จะเจอะระบบเพื่อขโมยข้อมุล แต่มุ่งหวังจะทำให้บริการใด ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายนั้น ๆ ไม่สามารถให้บริการได้ต่อไป ซึ่งสามารถทำได้โดยการเรียกใช้ทรัพยากรของเซิร์ฟเวอร์นั้นให้หมดไป ก็จะสร้างผลกระทบต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เราสามารถลดโอกาสการโจมตีแบบนี้ได้ด้วยการตั้งค่าไฟร์วอลล์
เราสามารถตั้งค่า Firewall ได้ตามดังขั้นตอนต่อไปนี้
1. คลิกที่ปุ่ม Start > Settings > Network Connections
2. เลือกไปที่ตัวเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เราใช้งาน
3. คลิกขวาที่ไอคอนนั้น ๆ แล้วเลือก Properties
4. เลือกแท็บ Advance
5. ถ้าเลือกคลิกเมาส์ถูกที่ Protect my computer and network .. จะเป็นการป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ถ้าไม่ต้องการ ป้องกันอะไรก็ให้เอาเครื่องหมายถูกออก
6. เมื่อเลือกเรียบร้อยแล้วให้คลิก ok
- Brute-Force Attack เป็นวิธีที่แฮกเกอร์ใช้ซอฟต์แวร์ทำการสุ่มหาพาสส์เวิร์ดของผู้ใช้ และเข้าไปสร้าง Back Door เอาไว้เพื่อเจอะระบบในครั้งต่อไป วิธีการป้องกันทำได้โดยการตั้ง พาสส์เวิร์ดให้ยากต่อการคาดเดา และหมั่นเปลี่ยน พาสส์เวิร์ด บ่อย ๆ
- การโจมตีแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการโจมตีในระดับแอพลิเคชั่น ซึ่งเป็นการหาช่องโหว่ของ แอพลิเคชั่นนั้น ๆ เพื่อเข้าโจมตีระบบ วิธีแก้ไขคือหมั่นติดตั้ง Patch ให้กับแอพลิเคชั่นอย่างสม่ำเสมอ ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นแค่ตัวอย่างบางส่วนหากต้องการความปลอดภัยจริง ๆ ก็คงจะต้องร่วมมือร่วมใจป้องกันอย่างต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงความเสียหายอยู่ตลอดเวลา เพียงเท่านี้คุณก็ย่อมสบายใจได้มากกว่าเดิมหลายเท่าแล้วละครับละครับ...

~ การ set การแสดงผลของ Nootbook ~

~ การ set การแสดงผลของ Nootbook ~

ขั้นตอนการ set การแสดงผลของ Nootbook
1.คลิกขวาที่หน้าจอ desktop
2.เลือก Menu properties จะได้หน้าต่าง display properties
3.เลือกในหน้า settings แล้วกดปุ่ม Avanced เลือก DisplayMode
4.เอาเครื่องหมายถูกออกตรงหน้า Auto ออกก่อนจึงจะสามารถเลือกหัวข้อ Driver Mode ได้
5.ในหัวข้อ Driver Mode มีตัวเลือกดังนี้
-single ใช้จอ LCD เพียงอย่างเดียว
-Mirror สามารถต่อออก 2 จอได้
-Multimonitor แบ่งพื้นที่หน้าจอเพื่อใช้งาน
( เช่น ถ้าต้องการให้มีภาพออก monitor และ Notebook ต้องเลือกหัวข้อ Mirror )
6.จากนั้นก็ ok เครื่องจะ restart ใหม่
หมายเหตุ หากไม่เจอหัวข้อให้เลือกดังกล่าวข้างต้นให้ทำการลง ไดรฟ์เวอร์ Mainbord ใหม่

~ โปรแกรม ค้าง ระหว่างการใช้งาน ~

~ โปรแกรม ค้าง ระหว่างการใช้งาน ~

กด alt+ctrl+delete จะปรากฏหน้าต่าง window task manager เลือก application
ดูว่าโปรแกรมไหนที่ not responting ก็ไปที่โปรแกรม แล้วกด end task

~ คีย์ลัด-ประหยัดไฟ ~

netbook: "คีย์ลัด-ประหยัดไฟ"

ช่วง ที่ผ่านมามีคำถามเกี่ยวกับการใช้เน็ตบุ๊กบ่อยขึ้น โดยเฉพาะเทคนิคการใช้งานที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานในแบตเตอรี่ได้นานที่สุด ซึ่งวันนี้ผมมีทิปในการใช้คีย์ลัด เพื่อลด หรือปิดฟังก์ชันการทำงานที่กินไฟเป็นอันดับต้นๆ ของเน็ตบุ๊กมาฝากกันครับ

เน็ต บุ๊กส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับ ฟังก์ชันคีย์ (Function Key) ที่สามารถใช้งานร่วมกับปุ่ม Ctrl เพื่อปรับแต่งการทำงานของเครื่องได้ ซึ่งคีย์ลัดตัวแรกที่นำมาฝากนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานจากหน้าจอแสดงผลได้ นั่นก็คือ Ctrl+F5 เมื่อกดปุ่มนี้แสงสว่างที่หน้าจอเน็ตบุ๊กจะลดลง โดยเพียงแค่กด 1 - 2 ครั้ง คุณจะเห็นเวลาการใช้งานที่เหลือของแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากค่าตั้งความสว่างของจอที่โรงงานมักจะเป็นค่าสูงสุด เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกถึงความสว่างสดใส ในขณะที่ความเป็นจริงคุณไม่ได้ต้องการความสว่างมากขนาดนั้น ที่สำคญมันเป็นตัวการที่ทำให้แบตฯหมดเร็วอีกด้วย

ส่วนคีย์ลัดอีกอันหนึ่งที่นำมาฝากกันจะใช้สำหรับปิด WLAN เมื่อเวลาที่ไม่ได้ใช้เน็ตไร้สาย นั่นก็คือ Ctrl+F11 ซึ่งเป็นคีย์ลัดทีพบในเน็ตบุ๊กส่วนใหญ๋ โดยเมื่อต้องการใช้เน็ตไร้สายก็กดปุ่มนี้อีกครั้ง นับว่าเป็นคีย์ลัดที่สะดวกมาก นอกจากนี้มันยังใช้ควบคุมการเปิดปิด Bluetooth ด้วยในตัว ซึ่งฟังก์ชันการเชื่อมต่อไร้สายทั้งสองเทคโนโลยีนี้จะสวาปามพลังงานของ แบตเตอรี่แบบไม่เกรงใจ ดังนั้น ทุกครั้งที่นึกได้ว่า กำลังใช้เน็ตบุ๊กทำงานที่ไม่ต้องใช้เน็ต ก็รีบกดคีย์ Ctrl+F11 เพื่อปิดฟังก์ชันดังกล่าวทันที เพียงแค่นี้ คุณก็มีแบตฯ เหลือใช้กลับมาอีกตรึม ที่สำคัญ การเปิดฟังก์ชันไร้สายทิ้งไว้ โดยไม่ได้ใช้งาน ยังเท่ากับการเป็นการปิดประตูรอให้แฮคเกอร์ได้มีโอกาสเจาะระบบเข้ามาเดิน เล่นในเครื่องของเราอีกด้วย...

~ เปลี่ยนภาษาไทย ให้ใช้งานได้ ~

~ เปลี่ยนภาษาไทย ให้ใช้งานได้ ~

ไปที่ start >setting >control panel ดับเบิ้ลคลิกที่ Regional and Language Option เลือกแถบ Regional Option อันบนเปลี่ยนเป็น thai ล่างสุด thailand เลือกแถบ Languages ใส่เครื่องหมายถูกหน้า install files for complex script..... ต้องมี แผ่น win xp ด้วย แล้ว ok แล้วไปแถบ advance เลือก thai แล้ว ok
แล้วมาที่ แถบ languages ในกรอบ text services and input language ให้เลือก details...
เลือกแถบ setting ในกรอบ Installed Services ให้เลือกปุ่ม add เพิ่มตั้งค่าเพิ่มภาษาของแป้นพิมพ์
แล้ว ok แล้วคลิก key setting เลือก switch between input language แล้ว ไปที่ change key sequence..
แล้วเลือก Grave Accent ~ แล้ว ok

~ เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน ~

~ เข้า winXp ไม่ต้องรอนาน ~

โดยปกติเมื่อเปิดเครื่องเข้า winxp นานประมาณ 30 วินาทีอาจไม่ทันใจพวกเรานัก ไปที่ start>run พิม cmd
มันจะขึ้นมาเป็น Dos พร้อม พิมพ์ bootcfg /timeout 5 แล้วกด enter แล้วลองเข้า winxp ใหม่

~ การตั้งเวลาปิดเครื่อง ~

~ การตั้งเวลาปิดเครื่อง ~

หากต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ อยากตั้งเวลาปิดเครื่องอัตโนมัติ หากเราจำเป็นต้องเปิดเครื่องไว้ เพราะกำลังรัน
โปรแกรมบางอย่างอยู่ และอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ เราสามารถสั่งให้เครื่องปิดตัวเองอัตโนมัติได้
โดยใช้เครื่องมือ Scheduled Task ช่วย ดังนี้ครับ
เลือกเมนู All Programs>Accessories>System Tools>Scheduled Task เพื่อเปิดหน้าต่าง
Scheduled Task ขึ้นมาครับ จากนั้นดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Scheduled Task เพื่อสร้างตารางงานใหม่
สิ่งที่เราต้องรู้ในที่นี้ก็คือ ไฟล์คำสั่งที่ใช้สำหรับการปิดเครื่อง ซึ่งก็คือไฟล์ Shutdown.exe อยู่ใน
โฟลเดอร์ System32 ภายใต้โฟลเดอร์ Window ให้เราคลิกเมาส์ที่ปุ่ม Browse และเลือก
ไฟล์คำสั่ง shutdown.exe ซึ่งเป็นคำสั่งเพื่อปิดระบบคับ
จากนั้นเป็นขั้นตอนการกำหนดช่วงเวลา ที่จะให้ปิดเครื่อง ในที่นี้เลือก Diary คือภายในวันนี้
และเข้าไปกำหนดเวลาเจาะจง ก็เป็นอันจบขั้นตอนแล้วครับ
หลังจากนั้น เราสามารถเปิดเครื่องให้ทำงานทิ้งไว้ และเมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ คอมพิวเตอร์
ก็จะปิด (Shut down) ลงโดยอัตโนมัติครับ
มี Tip เล็กๆ น้อยสำหรับการปิดเครื่องครับ คือ ปุ่ม Power กับปุ่ม Sleep บนคีย์บอร์ด
เราสามารถกำหนดเพื่อให้เป็นการสั่งปิดเครื่อง (Turn Off) หรือเข้าสู่โหมด Stand By ได้ครับ
โดย ปุ่ม Power เหมือนสั่ง Shutdown เครื่อง คือปิดการทำงานของ Windows และดับเครื่องลง
ส่วนปุ่ม Sleep : เหมือนสั่ง Stand By คือ หยุดพักเครื่องชั่วคราว เพื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน
โดยสามารถกลับเข้าทำงานได้ด้วยการเคลื่อนเมาส์ หรือกดปุ่มคีย์บอร์ดนั่นเอง